Platelet Rich Plasma (PRP)สําหรับรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน
Platelet Rich Plasma (PRP) สําหรับรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านคืออะไร?
ฉีด PRP ผม คืออะไร?
PRP ย่อมาจาก Platelet Rich Plasma การใช้สารสกัดพลาสมา ที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น ฉีดเข้าไปในบริเวณหนังศีรษะ เพื่อให้สาร PRP เข้าไปกระตุ้นเซลล์รากผม ให้ผมกลับมาดก เส้นผมหนา สมบูรณ์
มีประโยชน์ในการช่วยรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างตรงจุด และฟื้นฟูสภาพหนังศีรษะ ให้แข็งแรง โดยใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันได้รับความสนใจมาก และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์
PRP เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาด้วยโลหิตวิทยาอย่างหนึ่ง ซึ่งค้นพบว่า ในเกล็ดเลือดของคนเราประกอบไปด้วย โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) อุดมไปด้วยสารต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นสารที่ ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือด กระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ของผิวหน้ง คอลลาเจน รวมถึงกระตุ้นการสร้าง และรักษาเนื้อเยื่อ อีกทั้งยังช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้นอีกด้วย
เมื่อฉีด PRP แล้วผลลัพธ์ที่ได้ จะได้เซลล์รากผมแข็งแรง เซลล์ผมที่เคยเสื่อมสภาพก็จะกลับมาทำงานทำให้ผมงอกอีกครั้ง ทำให้ผมที่งอกออกมาใหม่ เส้นหนา มีประสิทธิภาพสูง ให้ผลในระยะยาว และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
ฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) เหมาะกับใคร?
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะบาง หรือล้านระดับน้อย-ปานกลาง บริเวณกลางกระหม่อม
- เหมาะกับผู้ที่ผมร่วงขาดง่าย ผมเส้นเล็ก ลีบ
- เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดปลูกผม
- เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นหลังทำ
ฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) ใช้เวลานานไหม?
การฉีด PRP ใช้เวลาประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
การเตรียมตัวก่อนการฉีด PRP ผม
- ไม่ควรทานอาหารไขมันสูง ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนทำ PRP ผม
- งดการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนวันฉีด PRP 1 สัปดาห์
- พักผ่อน 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ก่อนวันฉีด PRP
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือมากกว่าปกติเล็กน้อย
- งดใช้เจล หรือน้ำมันแต่งผมเพื่อความสะอาด
การรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ด้วยการฉีด PRP ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล
เราใช้ระบบ Regen Lab คือ บริษัทผู้ผลิต PRP ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้นำในด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู และอุปกรณ์ การแพทย์ อีกทั้งบริษัทยังได้รับการรับรองระดับ Class IIb และ II ตามระเบียบของสหภาพยุโรปสำหรับอุปกรณ์การแพทย์อีกด้วย
เกล็ดเลือดและสารละลายเซลล์เข้มข้นของ Regen Lab ถูกนํามาประยุกต์ใช้ และได้รับความสำเร็จในการใช้ในทางคลินิกในหลายๆ รายการ (มีมากกว่า 150 บทความที่ตีพิมพ์และได้รับการทำวิจัยในฐานข้อมูลของ PubMed มากกว่า 80 ครั้ง)
ฉีด PRP ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
ความถี่ในการฉีด PRP ผมควรทำซ้ำทุกๆ 3 – 6 เดือน โดยในครั้งแรกที่เริ่มทำ ควรทำเดือนละ 1 ครั้ง และหลังจากนั้นต้องทำ 3 เดือนติดต่อกัน เพื่อให้เห็นผลในระยะยาว
เมื่อเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม เห็นความหนาแน่น ของเส้นผมที่เพิ่มมากขึ้น ให้ลดลงเป็นการทำซ้ำทุก 3 – 6 เดือน เพื่อให้เห็นผลในระยะยาว และรักษาความแข็งแรงของเส้นผม ให้อยู่ในระดับปกติ
ฉีด PRP ร่วมกับการปลูกผมได้ไหม?
สามารถทำได้ และเป็นผลดีต่อคนไข้ที่ต้องการรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน โดยขั้นตอนการรักษามีดังนี้
- ก่อนการปลูกผม : แพทย์จะทำการฉีด PRP Mesotherapy จำนวน 1 ถึง 2 หลอดตรงบริเวณด้านหลังศีรษะที่รากผมแข็งแรง (Donor Area) และบริเวณที่จะปลูกถ่ายเซลล์รากผม (Recipient Area) จะทำการฉีดล่วงหน้า 1 – 2 สัปดาห์ ก่อนการปลูกผมถาวร
- วันปลูกผม: เมื่อได้ทำการรวมเซลล์รากผม (Follicular Unit) จะเติม PRP ลงไปเพื่อบํารุงเซลล์รากผม และใช้ในบริเวณ Donor และ Recipient area โดยตรงหลังการปลูกผมเรียบร้อย
- หลังการปลูกถ่ายผม: แพทย์จะฉีด PRP Mesotherapy 1 – 2 หลอดที่บริเวณ Donor และ Recipient Area ภายใน 3 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม
- นัดติดตามการรักษา: เมื่อครบ 6 เดือนหลังปลูกผม แพทย์จะทำการฉีด PRP อีกครั้ง
ฉีด PRP ร่วมกับการปลูกผมถาวร ดีอย่างไร?
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด ช่วยกระตุ้นและสนับสนุนการเจริญเติบโตของเส้นผมใน 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
1. ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเติบโต ความแข็งแรงให้กับเซลล์รากผม ทั้งก่อนปลูกผมระหว่างการปลูกผม และหลังการปลูกผม
2. ส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และการฟื้นฟูหลังการปลูกผม
3. กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รากผม เพื่อให้ผมงอกใหม่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพสูง